เกม James Bond 007 ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันที่คุณควรหามาเล่น
Shaken but Not Stirred
เริ่มต้นเกมแรกในซีรีส์ James Bond 007 ที่ถูกสร้างขึ้นมาในปี 1982 ในชื่อเกม Shaken but Not Stirred ที่ลงบนเครื่อง ZX Spectrum ที่เป็นเกมแนว Interactive fiction ที่เป็นการอ่านนิยายแล้วเลือกคำตอบ โดยสิ่งที่เราเลือกตอบก็จะส่งผลกับเนื้อเรื่องที่จะขึ้นมา ถ้าจะให้เห็นภาพงง่าย ๆ ก็คงจะคล้าย ๆ เกม Detroit Become Human ในยุคนี้ โดยในเกมเราจะได้รับบทเป็น James Bond ในภารกิจป้องโลกจาก Dr. Death ที่มีแผนเรียกค่าไถ่กรุง London ถ้าไม่จ่ายเขาจะยิงหัวรบนิวเคลียร์ใส่ 007 ของเราจึงต้องไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อค้นหาหัวรบนิวเคลียร์ก่อนจะสายเกินไป ซึ่งเรื่องราวนี้จะถูกแต่งขึ้นมาใหม่ไม่ได้อ้างอิงมาจากนิยายตอนไหน และนี่ก็นับเป็นเกม James Bond 007 เกมแรกที่ถูกสร้างขึ้นมา
James Bond 007
ปีถัดมาในช่วง 1983 ตัวเกม James Bond ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอย่างเป็นทางการ กับเกม James Bond 007 ที่ลงบนเครื่อง Atari 2600, Atari 5200, Atari 8-bit family และ Commodore 64 ที่เราจะได้รับบทเป็น James Bond 007 กับรถคู่ใจในการทำภารกิจกู้โลก ที่เราต้องบินบนฟ้าดำน้ำไปจนถึงการวิ่งบนถนนเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย ตัวเกมไม่ได้อ้างอิงเรื่องราวมาจากภาพยนตร์หรือนิยายเรื่องไหน แต่เป็นการอ้างอิงรถสุดล้ำยุคจากภาพยนตร์ภาคต่าง ๆ อย่าง Diamonds are Forever, The Spy Who Loved Me, Moonraker และ For Your Eyes Only มายำรวมกันในเกมนี้
James Bond 007 A View to a Kill
หลังจากเกมขับรถอย่าง James Bond 007 วางจำหน่ายไปได้ 2 ปีในช่วงปี 1985 ก็มีเกมภาคใหม่จากซีรีส์นี้มาให้เราเล่นในชื่อ James Bond 007 A View to a Kill ที่คราวนี้ตัวเกมจะถูกพัฒนาลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์อย่าง MS-DOS, Macintosh และ Apple II ที่เป็นเกม Action ที่ตัวเกมจะอ้างอิงเรื่องราวบางส่วนจากภาพยนตร์ตอนที่ 14 ของซีรีส์ในชื่อเดียวกันอย่าง A View to a Kill มาดัดแปลงเป็นเกม ที่เราจะต้องขับรถไปยังสถานที่ต่าง ๆ ใน Paris เพื่อหาเบาะแส ก่อนจะตัดเข้าสู่ตัวเกมที่เราต้องเดินหาศัตรูและฆ่ามันให้หมด นับเป็นเกมที่แปลกใหม่น่าสนใจมาก ๆ ในยุคนั้น
James Bond 007 Goldfinger
กลับมาที่เกมแนวอ่านนิยายเล่าเรื่องที่เรียกว่า Interactive fiction อีกครั้งในชื่อภาคว่า James Bond 007 Goldfinger ที่เรื่องราวในเกมภาคนี้จะอ้างอิงมาจากนิยายของ Raymond Benson ที่รับช่วงเขียนนิยาย James Bond 007 มาดัดแปลงเนื้อหาให้ต่างกับภาพยนตร์เพื่อใช้ในวิดีโอเกม ที่จะเล่าเรื่องราวของผู้ก่อการร้ายในชื่อ Goldfinger ที่มีแผนการร้ายครองโลก ที่เราสามารถเลือกเส้นทางที่จะเกิดขึ้นหรือการกระทำของ Bond จากตัวเลือกต่าง ๆ แบบเดียวกับภาค Shaken but Not Stirred ที่จุดขายของเกมก็คือเนื้อหาที่ต่างจากชมภาพยนตร์และอ่านนิยาย ตัวเกมวางจำหน่ายในปี 1986
The Living Daylights
หนึ่งปีต่อมาในปี 1987 ก็มีเกมใหม่ออกมาในชื่อ The Living Daylights เพื่อต้อนรับภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ 007 ในชื่อเดียวกัน ที่อ้างอิงเรื่องราวจากนิยายเรื่องสั้น James Bond ในชื่อ The Living Daylights ที่เขียนโดย Ian Fleming มาสร้าง แต่ตัวเกมกลับไม่ได้เอาเรื่องราวของภาพยนตร์หรือนิยายมาใช้ แต่ตัวเกมจะเอาฉากยิงกันในภาพยนตร์มาใช้แทน โดยตัวเกมเป็นแนว Action เดินยิงแหลกกับบท James Bond ที่แสดงโดย Timothy Dalton ตัวเกมลงบนหลายเครื่องเกมในยุคนั้นอย่าง Amstrad CPC, Amstrad PCW, Atari 8-bit, BBC Micro, Commodore 64, MSX และ ZX Spectrum ตัวเกมค่อนข้างน่าสนใจและเล่นสนุกมาก ๆ ในยุคนั้น
Live and Let Die
ในเมื่อมีเกมแนวขับรถไปแล้วคราวนี้มาที่เกมขับเรือบ้างในเกม Live and Let Die ที่อ้างอิงฉากในภาพยนตร์ชื่อเดียวกันมาทำเป็นเกม ที่ในภาพยนตร์นั้นจะได้นักแสดงมากความสามารถอย่าง Roger Moore มาเป็น James Bond ตัวเกมจะมีหน้าจอเมนูที่บอกเราถึงอาวุธที่ได้ รวมถึงความเร็วในการแล่นเรือที่มาพร้อมกับฉากต่าง ๆ มากมายตามในภาพยนตร์ ที่ถ้าในเกมไม่เขียนว่า 007 คงคิดว่ามันคือเกมขับเรือทั่วไป แต่แฟน ๆ ในยุคนั้นต่างชื่นชอบมาก ๆ ตัวเกมวางจำหน่ายบนเครื่อง Amiga, Atari ST, Amstrad CPC, Commodore 64, MS-DOS และ ZX Spectrum ในปี 1988
007 Licence to Kill
มาถึงปี 1989 เกม James Bond ก็พัฒนาไปอีกขั้น ที่คราวนี้ตัวเกมได้เปลี่ยนมาเป็นเกมแนวยิงมุมมองด้านบนที่มีกราฟิกสวยงาม เล่นแล้วได้อารมณ์สายลับ 007 ที่คราวนี้ต้องไปบุกรังศัตรูเพื่อปกป้องโลกแบบในภาพยนตร์ในชื่อเกม 007 Licence to Kill ที่ตัวเกมได้หยิบฉากการไล่ล่าจักรพรรดิยาเสพติด Sanchez ที่สังหารแฟนสาวที่เป็นเพื่อนสนิทของ Bond ในภาพยนตร์มาทำเป็นเกม โดยในเกมจะมีทั้งการไล่ล่ายิงกันบนบกบนฟ้าและขับเรือไล่ล่าครบสูตรตามในภาพยนตร์ที่แฟน James Bond ต้องหามาสะสม ตัวเกมวางจำหน่ายบนเครื่อง Amiga, Amstrad CPC, Atari ST, BBC Micro, Commodore 64, DOS, MSX และ ZX Spectrum