Star Wars: Squadrons ฝูงบินพิฆาตจักรวาล
ในอดีตนั้นเกมจำลองการขับยานที่หยิบเอาปูมหลังของ Star Wars มาใช้เป็นเกมที่ถูกสร้างออกมามากมายหลายตระกูล ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ X-Wing ไล่ไปจนถึง Tie-Fighter หรือ Rogue Squadron ซึ่งทุกเกมทุกตระกูลที่ว่ามาก็ล้วนแต่เป็นเกมที่ได้รับการยอมรับว่ายอดเยี่ยมและสร้างความทรงจำอันแสนสนุกให้แฟน ๆ Star Wars นับขับยานมาหลายยุคหลายสมัย
กาลเวลาล่วงเลยผ่านไป ในขณะที่เรื่องราวของจักรวาล Star Wars ได้รับการสานต่อในฉบับหนังใหญ่ ส่วนวีดีโอเกมก็มีเกม Star Wars หลายรูปแบบถูกส่งออกสู่ตลาด แต่ตัวเกมในรูปแบบเกมขับยานต่อสู้กลับไร้เงาการถูกปัดฝุ่นกลับมาสร้างใหม่
จนกระทั่งกลางปี 2020 ก็ได้มีการเปิดตัวเกม Star Wars: Squadrons โดยเป็นผลงานการพัฒนาโดยทีมงาน Motive ผู้มีส่วนร่วมในการสร้างผลงานเกม Star Wars : Battlefront 2
Star Wars: Squadrons เป็นความหวังใหม่ของแฟนเกมยานยิงที่เฝ้าคอยอยากกระโดดกลับสู่ Cockpit กันอีกครั้งและจากตัวเกมที่ผมได้สัมผัส ใครที่เป็นแฟน Star Wars และชื่นชอบการต่อสู้ระหว่างยานหรือ Dogfighting ผมบอกได้เลยว่านี่คือสุดยอดผลงานที่คุณรอคอย
Story
เนื้อหาในเกม Star Wars: Squadrons จะเป็นการเล่าเรื่องราวของฝูงบินพิฆาตจากฝั่ง New Republic และฝั่ง Imperial โดยผู้เล่นจะได้สวมบทเป็นสมาชิกของหน่วย Vanguard Squadron และ Titan Squadron ออกต่อสู้ทำภารกิจในมุมมองเนื้อเรื่องของทั้งสองฝ่าย
ในแง่ของการเล่าเรื่องนั้น Star Wars: Squadrons ไม่ได้เล่าเนื้อหาที่แปลกใหม่อะไร เรียกได้ว่าถ้าคุณรู้จักกับ Star Wars อยู่แล้วก็คงพอจะเดาออกว่าจะได้พบเจอกับเรื่องราวแบบไหน ตัวโหมด Singleplayer นั้นมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 10 ชั่วโมง และก็เป็นเนื้อเรื่องแบบเต็มรูปแบบ ไม่ได้เป็นแค่โหมดฝึกสอนให้คุณไล่ยิง Bot ก่อนกระโดดเข้าสู่โหมด Multiplayer แต่อย่างใด
แน่นอนว่าแม้ตัว “เนื้อเรื่อง” จะไม่ได้มีความซับซ้อนหรือลึกล้ำนำเสนออะไรใหม่ ๆ ในจักรวาล Star Wars แต่การได้เห็นเรื่องราวในจักรวาลนี้ผ่านมุมมองของเหล่านักบินก็ถือว่าเป็นอีกมุมที่น่าสนใจซึ่งแตกต่างจากการต่อสู้ระหว่างเจไดและซิธที่เหล่าเห็นกันจนชินตา
Presentation
นี่คือจุดแข็งที่สำคัญที่สุดของ Star Wars: Squadrons เพราะนี่คือเกมขับยานที่จะทำให้คุณได้รู้สึกว่าตัวเองได้กระโดดลงไปขับยานอยู่ในโลกของ Star Wars แบบจริง ๆ ความรู้สึกของการเร่งความเร็วยาน X-Wing เฉียดผ่าน Star Destroyer และโยกหลบเลเซอร์จากยาน TIE-Figher ของศัตรูที่ไล่ตามมานั้นถือเป็นความรู้สึกที่หาจากที่อื่นไม่ได้
ภาพแสงสีเสียงและงานศิลป์ทุกอย่างในเกมจะทำให้คุณได้รู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้เข้าไปอยู่ในโลกของ Star Wars กันจริง ๆ และเพราะการนำเสนอที่ยอดเยี่ยมแบบนี้นี่เองเลยทำให้การขับยานภายในเกมนี้รู้สึกสนุกตื่นเต้นตลอดเวลาไมว่าคุณจะอยู่ในโหมด Singleplayer หรือ Multiplayer
ในส่วนของการออกแบบภารกิจในโหมด Singleplayer นั้นจริงอยู่ว่าตัวเกมอาจจะไม่ได้มีฉาก Cutscene สุดอลังกาล แต่เพราะทุกฉากทุกห้วงเวลาในการต่อสู้และการขับยานในเกมนั้นมันตื่นเต้นด้วยตัวเองอยู่แล้วมันจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีการตัดฉากเล่าเรื่องแต่อย่างใด การพายานรบของคุณขับฝ่าอุกกาบาตและ Dogfight กับศัตรูโดยการบังคับฝีมือของคุณเองถือเป็นประสบการณ์การเล่นเกมที่น่าจดจำมากกว่าฉากคัทซีนระเบิดท่วมจอเป็นไหน ๆ
จุดที่น่าเสียดายคือการนำเสนอหลายส่วนในเกมนั้นจะทำให้เราสัมผัสได้ว่านี่ไม่ใช่เกม AAA ที่มีทุนสร้างจำนวนมาก ในโหมด Singleplayer นั้นตัวละครของเราจะไม่มีเสียงพากยใด ๆ ทั้งนั้นในการสนทนา ซึ่งระหว่างฉากหลังจบการทำภารกิจเราจะทำได้เพียงกดเดินเข้าไปคุยเพื่อฟังเพื่อนร่วมหน่วยและตัวละคร NPC เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เราฟัง โดยเราไม่สามารถเลือกถามตอบใด ๆ ได้เลย หรืออย่างการที่แม้ตัวเกมจะเปิดโอกาสให้เราได้เลือก Custom ตัวละครหลักและยานรบของเราแต่ตัวเลือกที่มีในเกมก็ถือว่าค่อนข้างน้อย
ด้านข้อดีก็คือตัวเกมไม่มีระบบ DLC หรือ Microtransaction ขาย Item อยู่ในเกมแม้แต่น้อย ไม่มีระบบ Loot Box ไม่มีระบบการซื้อของแต่งตัว มีเพียงการเก็บเลเวลเพื่อปลดล็อคของตกแต่งใหม่ ๆ จากการเล่นเพียงเท่านั้น
ในส่วนการนำเสนออีกจุดที่ต้องพูดถึงก็คือการรองรับการเล่นผ่านระบบ VR โดยตัวเกมบน PC และ PlayStation 4 รองรับการใช้งาน VR แบบเต็มรูปแบบ ซึ่งระหว่างการขับยานหากใช้ VR เราจะสามารถหันมองไปทั่วฉากได้ตามต้องการ แต่โดยรวมแล้ว VR นั้นเหมาะกับการเล่นในโหมด Singleplayer เพื่อดูฉากสวย ๆ มากกว่าจะเอามาใช้งานจริงในโหมด Multiplayer ที่การต่อสู้เป็นไปอย่างรวดเร็วและเข้มข้น
Gameplay
หัวใจหลักของ Star Wars: Squadrons ก็คือการขับยาน โดยยานทุกลำภายในเกมจะมีระบบพื้นฐานที่เหมือนกัน ในเรื่องของการบังคับและการปรับแต่งโหมดพลังงาน ตัวโหมดพลังงานของยานจะถูกแบ่งออกเป็น 4 โหมดใหญ่ ๆ นั่นก็คือโหมดการเคลื่อนที่เน้นความเร็วและความคล่องตัว โหมดอาวุธที่เน้นพลังงานของปืนเลเซอร์หลัก โหมดเกราะป้องกันที่เน้นความหนาของเกราะพลังงาน และโหมดสมดุลที่ทุกการทำงานถูกปรับให้อยู่ในค่ามาตรฐาน
ตัวโหมดของยานนั้นสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาแบบ Realtime ซึ่งผู้เล่นก็จำเป็นต้องปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ ซึ่งการปรับโหมดนั้นก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่กดปุ่มเพียงปุ่มเดียว ซึ่งระหว่างการต่อสู้นั้นเราต้องคอยมองสถานการณ์ให้ออกและคิดอยู่เสมอว่าต้องใช้โหมดไหนของยานถึงจะสร้างความได้เปรียบได้มากที่สุด
ภายในเกมยังมียานให้ผู้เล่นเลือกใช้แบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ Fighter ยานแนวสมดุลที่สามารถต่อสู้กับยานลำอื่นหรือยานขนาดใหญ่ได้ Bomber ผู้มาพร้อมอาวุธหนักเหมาะกับการเข้าโจมตีเป้าหมายขนาดใหญ่ Interceptor ยานรบเน้นความเร็วเน้นการไล่ล่ายานขนาดเล็กลำอื่น และ Support เน้นการสนับสนุนเพื่อนร่วมทีมและก่อกวนฝ่ายตรงข้าม
ขณะที่การเล่นในโหมด Singleplayer จะเป็นการเล่นแบบเรียบง่าย ทำภารกิจกำจัดศัตรูไปเรื่อย ๆ โดยเราจะมี Squad AI เพื่อนร่วมทีมคอยช่วยเหลือ แต่ในการต่อสู้บนโหมด Multiplayer นั้นตัวเกมจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเกมยิง Dogfight สุดท้าทายความสามารถกันทันที
โหมด Multiplayer ของเกมถูกแบ่งออกเป็นสองโหมดใหญ่ โหมดแรกก็คือโหมด Dogfight ที่เป็นการต่อสู้แบบ Teamdeathmatch ส่วนโหมดที่สองมีชื่อว่า Fleet Battles และเป็นโหมด “หลัก” ของเกม
ใน Fleet Battles นั้นผู้เล่นสองฝ่ายจะต้องเข้าต่อสู้ทำลายยานของฝ่ายตรงข้ามรวมไปถึงยานของ AI ภายในฉากเพื่อสะสมแต้ม “พลังใจ” เมื่อแต้มพลังใจของฝ่ายไหนมากกว่าจนถึงจุดที่กำหนดฝ่ายดังกล่าวก็จะได้โอกาสบุกโจมตียานหลักของศัตรู ส่วนฝั่งที่มีคะแนนน้อยกว่าก็ต้องถอยล่นลงไปป้องกันยานหลักของตนเองและเก็บแต้มเพื่อผลักดันศัตรูกลับออกไป
ขณะเดียวกันตัวยานหลักก็จะมีการป้องกันในส่วนต่าง ๆ ที่ผู้เล่นจะต้องค่อย ๆ บุกทำลาย จนกว่าจะสามารถสอยยานหลัก ได้สำเร็จซึ่ง ซึ่งตัวเกมก็ตัดสินผลแพ้ชนะกันที่การเสียยานหลักนี่เอง ด้วยรูปแบบการเล่นดังกล่าวส่งผลให้การต่อสู้ใน Fleet Battles มีเรื่องของเทคนิค และการวางแผนเพิ่มเข้ามา ชนิดของกองยานรวมไปถึง Loadout การปรับแต่งอาวุธ และยานจะส่งผลต่อ รูปแบบสไตล์การเล่นของคุณ
ต้องบอกก่อนว่าการต่อสู้ของคนด้วยกันนั้นมีความยากและท้าทายที่สูงมากถ้าคุณไม่ใช่ผู้เล่นเกมเครื่องบินที่มีฝืมือพอสมควร ข่าวดีก็คือโหมด Fleet Battles เปิดให้คุณเล่นแบบ Coop ร่วมมือกับผู้เล่นคนอื่นสู้กับศัตรูที่เป็น AI หรือคุณจะบินเดี่ยว Solo เข้าไปเล่นคนเดียวโดยมี AI ควบคุมยานที่เหลือทั้งหมดก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งคุณก็สามารถใช้ โหมดนี้ฝึกฝีมือได้จนกว่าจะพอใจ