Sony ประกาศปิดให้บริการ PS Store สำหรับ PS3, PSP ที่ 2 กรกฎาคม และ PS VITA ที่ 27 สิงหาคม
ย้อนกลับไปช่วงวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่า Sony จะเตรียมปิดหน้าร้านค้า PS Store สำหรับแพลตฟอร์ม PS3, PS Vita และ PSP ภายในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมนี้ ซึ่งก็ดูเหมือนว่ารายงานดังกล่าวจะเป็นของจริงซะเสียแล้ว
ล่าสุด ทาง PlayStation Support ได้ประกาศผ่านเว็บไซต์ตัวเองยืนยันว่า PS Store จะปิดให้บริการบนแพลตฟอร์ม PS3, PSP ภายในวันที่ 2 กรกฎาคม และร้านค้าบน PS Vita ก็ปิดตัวในวันที่ 27 สิงหาคมในปีนี้อย่างเป็นทางการ
หรือหมายความว่าเมื่อถึงเวลาดังกล่าวแล้ว PS3, PSP และ PS VITA จะไม่สามารถซื้อเกมจาก PS Store แต่อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้ซื้อเกมมาก่อนหน้านี้แล้ว ก็ยังคงสามารถดาวน์โหลดเกมได้อีกต่อไป
นอกเหนือจาก PS3 และ PS Vita แล้ว ในส่วนของแพลตฟอร์ม PlayStation Portable หรือ PSP ก็จะถูกลบฟังก์ชันการสั่งซื้อเกมในวันที่ 2 กรกฎาคมปีนี้ อย่างไรก็ดี ด้วยเงื่อนไขเดียวกัน เกมบนแพลตฟอร์ม PSP ที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้ ก็สามารถดาวน์โหลดกลับมาได้ตามปกติ
สำหรับ PlayStation 3 เป็นเครื่องเล่นเกมคอนโซลที่โซนี่ วางจำหน่ายในปี 2006 โดยมียอดขายมากกว่า 87.4 ล้านเครื่อง ขณะที่ PlayStation Vita มียอดขายประมาณ 10 ล้านเครื่อง ส่วน PSP ทำผลงานยอดขายได้ดี โดยมียอดขายราว 80.82 ล้านเครื่อง
เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมนี้ได้มีรายงานข่าวว่าทางด้านบริษัท Sony มีแผนการที่จะเตรียมปิด PS Store สำหรับแพลตฟอร์ม PS3, PS Vita และ PSP ภายในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมที่จะถึงนี้ ล่าสุดนั้น Sony ก็ได้ออกมาประกาศผ่านทาง PlayStation Support ก็ได้ออกมาประกาศผ่านเว็บไซต์เพื่อเป็นการยืนยันแล้วว่า PS Store จะปิดให้บริการบนแพลตฟอร์ม PS3, PSP ภายในวันที่ 2 กรกฎาคม และร้านค้าบน PS Vita ก็ปิดตัวในวันที่ 27 สิงหาคมในปีนี้อย่างเป็นทางการ ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือว่าเมื่อถึงเวลาดังกล่าวนั้น PS3, PSP และ PS VITA ก็จะไม่สามารถซื้อเกมจาก PS Store ได้เหมือนเดิมแล้ว แต่หากว่าผู้ใช้ซื้อเกมมาก่อนหน้านี้แล้ว ก็สามารถดาวน์โหลดเกมได้อีกต่อไป
หากยังจำกันได้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีข่าวลือเกี่ยวกัวการตัดสินใจปิดให้บริการแอปพลิเคชั่นร้านค้า PlayStation Store (PS Store) สำหรับเครื่องเล่นเกมรุ่นเก่าบางส่วน โดยล่าสุดในวันนี้ทาง Sony ก็ยืนยันฟันเฟิร์มเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า จะมีการยกเลิกการขายเกมออนไลน์ผ่านช่องทางดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2021 เป็นต้นไปสำหรับ PS3 และ PSP เช่นเดียวกับ PS Vita ในวันที่ 27 สิงหาคม 2021
ภายหลังจากการปิดให้บริการผู้เล่นจะไม่สามารถซื้อเกม PS3, PSP และ PS Vita รวมไปถึงดาวน์โหลดเดโมและแอปพลิเคชั่นใดๆ ได้อีก นอกจากนั้นแล้วยังปิดการซื้อขาย DLC และเติมเงินบนแพลตฟอร์มดังกล่าวด้วยเช่นกัน โดยยอดเงินที่เหลือจะสามารถนำไปใช้กับ PS Store บน PS4 และ PS5 ได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามหากเคยซื้อเกมและ DLC เอาไว้ก่อนหน้านี้จะยังสามารถดาวน์โหลดได้ผ่านหน้าจอประวัติการซื้อขายจึงไม่ต้องเป็นห่วงในส่วนของเกมที่เคยซื้อ เช่นเดียวกับเกมใน Instant Collection ที่เคยกดรับมาก่อน
ในกรณียิบย่อยอื่นๆ Sony ได้ให้รายละเอียดว่าที่เกมมีระบบ Cross-buy ระหว่าง PS4 – PS Vita หรือ PS4 – PS3 เมื่อทำการซื้อเกมบนแพลตฟอร์ม PS4 แล้ว ผู้เล่นจะยังสามารถเข้าไปดาวน์โหลดเกมบน PS Vita และ PS3 ได้เหมือนเดิม และยืนยันอีกครั้งว่าเกมที่เคยซื้อจะยังคงสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้แม้ว่าร้านค้าจะปิดไปแล้วก็ตาม ดังนั้นถ้าหากกำลังเล็งเกมดิจิทัลใดๆ เอาไว้อยู่ก็สามารถเข้าไปกดซื้อกันได้
PlayStation Store เป็นร้านค้าเกมออนไลน์ที่เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2006 บน PlayStation 3 เพื่อวางขายวิดีโอเกม, เนื้อหาเสริม, เดโมเกม และภาพยนตร์ โดยมีการปิดให้บริการฟีเจอร์บางส่วนบนแพลตฟอร์ม PSP ในปี 2016 ก่อนที่จะประกาศปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อม PS3 และ PS Vita ในฤดูร้อนที่จะถึงนี้
เป็นไปตามที่คาดไว้ครับว่า Sony ได้ออกมายืนยันว่าเจ้าของ PS3, PS Vita และ PSP จะไม่สามารถซื้อเกม และเนื้อหาสื่อใหม่ๆ ผ่านเครื่องเกมคอนโซลเหล่านั้นได้แล้วในช่วงปลายปีนี้ โดยในหน้าสนับสนุนที่ Kotaku ระบุว่า Sony จะปิด PlayStation Store สำหรับ PS3 และ PSP ในวันที่ 2 กรกฎาคมนี้ ในขณะที่ Vita จะสูญเสียการเข้าถึงตลาดในวันที่ 27 สิงหาคม
หากคุณเป็นเจ้าของคอนโซลเหล่านี้ Sony บอกว่าคุณจะยังคงต้องดาวน์โหลดซ้ำ และเล่นเกมที่ซื้อก่อนหน้านี้ ตลอดจนเข้าถึงเนื้อหาวิดีโอผ่านรายการดาวน์โหลดบนอุปกรณ์เหล่านั้นได้อยู่ รวมไปถึงยังจะสามารถแลกเกม และบัตรกำนัล PlayStation Plus ได้เหมือนเดิม
อย่างไรก็ตามหลังจากกำหนดเวลาแล้ว คุณจะไม่สามารถซื้อเกมหรือเนื้อหาใหม่ๆ หรือทำการซื้อใดๆ ในเกมได้ นอกจากนี้จะไม่สามารถแลกเงิน PSN wallet ใน PS3, PSP หรือ Vita ได้หลังจากวันที่ 2 กรกฎาคมและ 27 สิงหาคมตามลำดับ โดย Sony กล่าวว่าได้ทำการตัดสินใจว่าหลังจากนี้จะมุ่งเน้นทรัพยากรของเราสำหรับ PlayStation Store บน PlayStation 4 และ PlayStation 5 ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
